ภาคีเครือข่ายป้องกันปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและสังคมยื่นหนังสือเรียกร้องให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเคสตำรวจเมาชนแม่-ลูก เสียชีวิต พ่อบาดเจ็บสาหัส ล่าสุดผกก.ระแงะเผยแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 3 ข้อหา ย้ำ!!ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอับดุลฟาตะ ยูโซะ ผู้ประสานงานภาคีเครือข่ายป้องกันปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและสังคม(ภาคใต้ตอนล่าง) พร้อมด้วยนายอาฟันดี เจ๊ะสาเหาะ นางสาวรุสดา เบญจสม เดินทางลงพื้นที่ตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเยี่ยมเยียนครอบครัวของผู้เสียชวิต กรณีดาบตำรวจอนุชาฯ ข้าราชการตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจภูธรระแงะขับรถในขณะมึนเมาชนชาวบ้านเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ประกอบด้วย 1.นางสาวนูรฮาฟีซา เจ๊ะแม อายุ 23 ปี (มารดา) 2.ด.ช.มูฮำหมัดชามิล อาแว อายุ 3 ขวบ (ลูก) และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย พร้อมกันนี้ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวในเบื้องต้น โดยภาคีเครือข่ายฯได้เดินทางไปพบ พ.ต.อ.ศุภชัช ยีหวังกอง ณ พัทลุง ผกก.สภ.ระแงะ เพื่อยื่นหนังสือข้อเรียกร้อง รวมทั้งสอบถามความคืบหน้าทางคดี ซึ่งล่าสุดได้แจ้งข้อกล่าวหาแล้วจำนวน 3 ข้อหา ประกอบด้วย ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและขับรถในขณะมึนเมาสุราขับรถในขณะมึนเมาสุรา ขับรถประมาทหวาดเสียวเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน โดยจะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาด้วยความเป็นธรรม ว่ากันไปตาม พรบ.จราจร ไม่มีสิทธิพิเศษดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมายจากนั้นภาคีเครือข่ายฯได้เดินทางไปยัง ศาลากลางจังหวัดนราธิวาสเพื่อยื่นหนังสือ ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากปล่อยปะละเลยผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเพิ่มทวีความรุนแรงขึ้นในพื้นที่ และกระทำเหตุอันเป็นอันตรายต่อสังคมและอีกกี่ชีวิต อีกกี่ครอบครัว อีกกี่เหตุการณ์ ที่จะต้องได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ภาคีเครือข่ายป้องกันปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและสังคมภาคใต้ตอนล่าง ประกอบด้วย เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน (ขสย.) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนล่าง สมาคมสร้างเสริมสุขภาวะภาคใต้ สมาคมเยาวชน พัฒนาบ้านเกิด (PPS) เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา (ALC WATCH) และกองทุนช่วยเหลือเด็กเยาวชนและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเมา ออกมาเรียกร้อง และเน้นย้ำว่า สาเหตุสำคัญของเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยขอให้เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์สุดท้าย ที่จะเกิดกับสังคมไทยในอนาคต และนำไปสู่บทเรียนเพื่อแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นอีก และร่วมด้วยช่วยกันปลุกสังคมให้ตื่นรู้ถึงภัยเงียบ ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยภาคีเครือข่ายป้องกันปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและสังคมภาคใต้ตอนล่างจึงมีข้อเสนอเพื่อเรียกร้องต่อจังหวัดนราธิวาสและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้คือ 1.ขอให้เร่งดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดต่อผู้กระทำผิดในกรณีนี้ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ซ้ำยังเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ) อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส ตรวจสอบได้ ทั้งทางวินัย ทางอาญา และทางแพ่ง โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น 2.ขอให้มีการเยียวยาความเสียหายทั้งทางจิตใจ เศรษฐกิจ และสังคม ให้แก่ผู้เสียหายและครอบครัวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยคำนึงถึงความยุติธรรมและเป็นธรรมเป็น สำคัญ และ 3.จังหวัดนราธิวาสต้องมีการออกมาตรการและกำหนดระเบียบปฏิบัติที่ชัดเจนและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ในการป้องกันและป้องปรามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐได้กระทำความประมาทเลินเล่อจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนเกิดอาการมึนเมาครองสติไม่ได้ จนนำไปสู่การเกิดเหตุการณ์อันมิอาจประเมินความสูญเสียในลักษณะดังกล่าวซ้ำอีกในอนาคต
ด้านนายอับดุลฟาตะ ยูโซะ ผู้ประสานงานภาคีเครือข่ายป้องกันปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและสังคม(ภาคใต้ตอนล่าง) กล่าวว่าในนามภาคีเครือข่าย ป้องกันปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและสังคม ภาคใต้ตอนล่าง ห่วงใยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกรณีของเคสเมาแล้วขับในพื้นที่อำเภอระแงะในช่วงประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมา วันนี้ทางภาคีเครือข่ายฯมาที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนราธิวาส พร้อมกับครอบครัวผู้เสียหาย เพื่อยื่นหนังสือให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ และเป็นกังวล ในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แล้วก็ขอวิงวอนให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามกระบวนการยุติธรรมต่างๆ ขอให้ดำเนินการด้วยความเป็นธรรม ตรงไปตรงมา โดยที่ไม่ได้เลือกปฏิบัติ เพราะว่ากรณีแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นในหลายๆครั้ง หลาย ๆ ตามปรากฏในหน้าข่าวต่างๆจะเห็นได้ว่าในช่วงที่สังคม กำลังให้ความสนใจ ให้ความสำคัญ ก็จะมีการให้คำมั่นต่างๆนาๆ แต่เมื่อไหร่ที่สังคมเริ่มที่จะแผ่วลงกระบวนการยุติธรรมก็อาจจะไม่ได้เดินเท่าที่มันควรจะเป็น ซึ่งวันนี้ได้มีจุดยืนและข้อเรียกร้อง 3 เรื่องด้วยกัน 1. ขอให้มีการดำเนินคดีตรงไปตรงมาไม่เลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะว่าสถานการณ์แบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น เลยแม้แต่น้อย 2.การให้ความช่วยเหลือ มาตรการเยียวยาต่างๆควรที่จะเดินทางไปด้วยในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งในเชิงมิติของสภาพจิตใจของผู้เสียหาย ครอบครัวของผู้เสียหาย เพราะตัวสามีที่ยังอยู่ในโรงพยาบาล ตอนนี้ก็ทราบว่ายังไม่ทราบข่าวว่ามีการเสียชีวิต ทั้งภรรยาและลูก ที่เสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์นี้ค่อนข้างจะสลดใจ และการเยียวยาและมิติ เศรษฐกิจ แล้วก็สังคมในอนาคต เพราะครอบครัวผู้เสียหาย ก็มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากพอสมควร เพราะฉะนั้นการให้เยียวยาต่างๆ ทั้งในแง่ของกฎหมาย ตามระบบขั้นตอนของราชการ รวมไปถึง การได้รับการเยียวยาจากตัวผู้ต้องหา ในฐานะผู้กระทำความผิด ก็ควรที่จะมีเงินเยียวยา มาดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิต สุดท้าย ประการที่ 3 เราคาดหวังว่าทาง
จังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส จะต้องมีมาตรการที่ชัดเจนรวมไปถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ที่สามารถป้องกันหรือป้องปรามไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต เราหวังว่าเหตุการณ์ นี้จะเป็นเหตุการณ์สุดท้าย ที่จะเกิดขึ้นเพื่อป้องกันความสูญเสีย โดยเฉพาะการก่อเหตุหรือความสูญเสีย ที่เกิดขึ้นจากผู้ดื่มแอลกอฮอล์ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน Tel.0824154474